วิธีการอ่านกราฟ Forex
ในบทความนี้ thaibrokerforex ได้รวบรวมทุกสิ่งที่ท่านต้องรู้เกี่ยวกับการอ่านกราฟ Forex พร้อมคลายข้อสงสัยว่าทำไมคุณต้องรู้วิธีอ่านกราฟให้เป็น เนื่องจากถือว่าเป็นกำไรในการวิเคราะห์สัญญาณเทคนิค แต่ใช่ว่าทุกคนจะวิเคราะห์และอ่านกราฟเทคนิคเป็น เอาล่ะ ! โบรกเกอร์ forex วันนี้เราจะมาอธิบายหลักการพื้นฐานในการอ่านกราฟ Forex ที่สามารถนำไปใช้ได้กับกราฟทุกๆ รูปแบบ รายละเอียดดังนี้
- กราฟแท่งเทียน เป็นกราฟที่มีอีกชื่อหนึ่งว่ากราฟแท่งเทียนญี่ปุ่นและเป็นที่ชื่นชอบของนักลงทุน เนื่องจากช่วยให้เห็นความเคลื่อนไหวของราคาได้ชัดเจน แสดงช่วงข้อมูลที่กว้างและหลากหลาย โดยแท่งเทียนมีด้วยกันสามจุดก็คือ ราคาเปิด ราคาปิดและตัวไส้ (Shadow) ที่จะแสดงช่วงของราคาสูงสุดถึงต่ำสุดและตัวแท่งจริงๆ (ส่วนที่กว้างหรือ Body) จะปรากฏให้นักลงทุนเห็นหากราคาปิดสูงกว่าหรือต่ำกว่าราคาเปิด หากแท่งเทียนเต็มแสดงว่าราคาปิดของคู่สกุลเงินต่ำกว่าราคาเปิด หากแท่งเทียนกลวงแสดงว่าราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด
- กราฟแท่ง จะแสดงลำดับราคาในช่วงเวลาต่างๆ ทั้งราคาเปิด ราคาปิด ราคาสูงสุดและราคาต่ำสุดของคู่สกุลเงิน ซึ่งด้านบนของแท่งจะแสดงราคาสูงสุดที่ชำระ ส่วนด้านล่างจะแสดงราคาต่ำสุดที่เทรดสำหรับช่วงระยะเวลานั้นๆ โดยแท่งจริงจะแสดงช่วงการเทรดโดยรวมของคู่สกุลเงินและเส้นแนวนอนขีดเล็กๆ ที่ด้านข้างจะแสดงถึงราคาเปิด (ซ้าย) และราคาปิด (ขวา) ทั้งนี้กราฟแท่งมักถูกนำมาใช้เพื่อระบุการย่อตัวและการขยายตัวของช่วงราคามากที่สุด
- กราฟเส้น เป็นสิ่งที่ทำความเข้าใจได้ง่ายสำหรับนักลงทุนมือใหม่ โดยในกราฟเส้นจะมีการลากเส้นจากราคาปิดราคาหนึ่งไปยังราคาถัดไป เมื่อลากเชื่อมต่อกันจะลากกันระหว่างราคาปิดจากราคาหนึ่งไปอีกราคาหนึ่งในช่วงระยะเวลาที่กำหนด การระบุความเคลื่อนไหวโดยรวมของราคาคู่สกุลเงินในช่วงระยะเวลาหนึ่งจะทำได้ง่ายและสามารถจะกำหนดรูปแบบของสกุลเงินได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้นักลงทุนสามารถจับทิศทางของเทรนด์ได้อีกด้วย
- แกนกราฟ บอกราคาและเวลาเป็นองค์ประกอบสำคัญของกราฟที่เหมือนๆ กันก็คือ แกนแนวตั้ง Y และแกนแนวนอน X โดยแกน X จะเป็นตัวบอกเวลาและแกน Y จะเป็นตัวบอกราคา โดยสามารถดูระดับราคาในแต่ละช่วงเวลาได้แบบละเอียดด้วยการซูมเข้าซูมออกเพื่อดูช่วงราคาที่ถี่มากขึ้นและสามารถอ่านกราฟได้จากซ้ายไปขวา โดยที่ด้านซ้ายจะเป็นราคาในช่วงเวลาที่ผ่านมาไล่มาจนถึงราคาในปัจจุบันทางด้านขวานั่นเอง หลายคนอาจจะคิดว่าอ่านกราฟแค่นี้ไม่ยากนี่นา.. ซึ่งความจริงแล้วการดูราคาและกรอบเวลานั้นไม่ยากมาก แต่ที่ยากก็คือการจับตาดูข้อมูลและสัญญาณสำคัญอื่นๆ ต่างหาก
- Pips (Percentage in point) และอัตราการเปลี่ยนแปลงของราคาเป็นหน่วยพื้นฐานที่เล็กที่สุดในการเปลี่ยนแปลงค่าของคู่เงินต่างๆ (และตราสารการเงินอื่นๆ) โดยคู่เงินที่มีการจับคู่กับสกุลเงิน USD จะมีค่า pip ที่เล็กที่สุดเท่ากับ $0.0001 หรือคิดเป็น 1/100 ของ 1% ซึ่ง pip ที่มีขนาดเล็กจะช่วยป้องกันการเทรดขาดทุน หากราคาในตลาดมีการเหวี่ยงแรงๆ แต่ถ้าหาก pip มีขนาดใหญ่กว่า 0.0001 ก็จะทำให้คุณมีโอกาสเสี่ยงที่จะเทรดขาดทุนได้
โดยทั่วไปการประเมินราคาคู่เงินต่างๆ จะเป็นทศนิยม 4 หน่วย ในปัจจุบันแพลตฟอร์มเทรดส่วนใหญ่จะมี Trading robot ที่สามารถช่วยคำนวณราคาที่แม่นยำได้ในทันที
- กรอบเวลา หรือ Timeframe ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการวิเคราะห์สัญญาณเทรดแบบไหน และใช้กลยุทธ์เทรดแบบใด มีทั้งกราฟรายเดือน, รายสัปดาห์และรายวัน เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการถือในระยะยาวหรือเน้นเทรดแบบ Swing trade หรือ Positional trading กราฟ 4 ชั่วโมง, รายชั่วโมงและครึ่งชั่วโมงเหมาะสำหรับนักเทรดแบบ Intraday trading และถือเป็นเวลาไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่วัน กราฟ 15 นาที, 5 นาทีและ 1 นาที เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการถือระยะสั้นๆ
เหตุผลที่นักเทรด Forex นิยมใช้กราฟแท่งเทียน
เทรดเดอร์ที่เรียนรู้วิธีการดูกราฟแท่งเทียนจะสามารถระบุพฤติกรรมราคาประเภทต่างๆ ซึ่งช่วยทำนายการเกิดการพลิกกลับของราคาหรือเทรนด์ที่จะคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ได้ นอกจากนี้เมื่อนำเอากราฟแท่งเทียนเข้าไปใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคแล้วก็จะยิ่งสามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้นด้วย
นอกจากกราฟแท่งเทียนจะเป็นรูปแบบกราฟที่ให้ข้อมูลละเอียดมากๆ แล้ว ยังเป็นกราฟที่ช่วยให้เทรดเดอร์สังเกตความเคลื่อนไหวของราคาได้ชัดเจนมากอีกด้วยทำให้เทรดเดอร์เห็นภาพทิศทางราคาในระยะสั้นและคาดการณ์ได้ว่าราคาจะเป็นแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง จึงถือเป็นความได้เปรียบต่อผู้เล่นอื่นๆ
สีของแท่งเทียนจะเป็นตัวบอกสถานะของราคาปิด โดยหากแท่งเทียนเป็นสีแดงหรือดำทึบ หมายความว่าราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิดและหากแท่งเทียนเป็นสีเขียวหรือสีขาวโปร่ง นั่นหมายความว่าราคาปิดสูงกว่าราคาเปิดนั่นเอง หากเห็นไส้เทียนที่มีความสั้นยาวไม่เท่ากันนั่นเป็นเพราะความยาวของไส้เทียนจะเป็นตัวบอกระดับราคา High และ Low นั่นเอง
การอ่านกราฟแท่งเทียน
1.ขนาด/ความยาวของกราฟแท่งเทียนทั้งแท่ง แท่งเทียนที่เปิดในระดับราคาต่ำและปิดในระดับราคาสูงหรือแท่งเทียนที่มีความยาวมากถือเป็นเรื่องปกติ ถ้าหากเกิดเทรนด์ขาลงในระยะยาว แท่งเทียนดังกล่าวจะส่งสัญญาณให้เห็นว่ากำลังจะเกิดเทรนด์กลับตัวขึ้นไปอย่างมีนัยสำคัญขึ้น
ในทางตรงกันข้ามเมื่อเกิดเทรนด์ขาขึ้นยาวนานในระยะหนึ่งแล้ว ถ้ามีการปิดแท่งเทียนที่มีความยาวผิดปกติขึ้น ก็จะเกิดเป็นเส้น wick ยาวขึ้นไปด้านบนของแท่งเทียนหรือเกิดเป็นตัวแท่งเทียนที่เป็นตลาดขาลงอย่างรุนแรงจากด้านบนลงมา ในที่นี้จะหมายถึงลักษณะการเกิด ‘blow off-top condition’
2.ความสัมพันธ์กันของราคาเปิดและราคาปิด เมื่อตัวแท่งเทียนที่เป็นสีดำแสดงถึงการอ่านค่าในแง่บวกหรือแง่ลบในระหว่างการเกิดเทรนด์ขาขึ้นหรือในช่วงภาวะตลาดขาขึ้น (bullish market) แรงซื้อมักจะเกิดขึ้นตอนเปิดแท่งเทียนทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นและเกิดเป็นแท่งเทียนสีขาวขึ้นตามมา เมื่อช่วงขาขึ้นเข้าควบคุมพฤติกรรมราคาในตลาด ความยาวหรือระยะห่างระหว่างราคาเปิดและราคาปิดของแท่งเทียนก็จะสะท้อนให้เห็นถึงตัวแปรที่ควบคุมนั่นเอง
ส่วนในภาวะตลาดขาลงรุนแรง (bearish market) จะทำให้ตัวแท่งเทียนที่เป็นสีดำเริ่มก่อตัวขึ้น แสดงให้เห็นว่าผู้ขายเริ่มเข้าตลาดในช่วงเปิดแท่งเทียนและเข้าคุมตลาดในช่วงเวลาดังกล่าว
3.Shadow และความสัมพันธ์กันของตัวแท่งเทียน โดยความยาวของ wick ในกราฟแท่งเทียนแสดงให้เห็นถึงระดับราคาต่ำสุดและ/หรือระดับราคาสูงสุด ส่วนราคาเปิดและราคาปิดจะแสดงอยู่ตรงตัวแท่งเทียน ซึ่งยังบ่งบอกถึงการปฏิเสธระดับแนวรับหรือแนวต้านของตลาดได้ด้วย หากเห็น tail, shadow หรือ wick ยาวๆ ก็จะต้องคำนึงถึงตัวแปรสำคัญคือมันเกิดขึ้นหลังจากการเกิดเทรนด์ขาลงระยะยาวหรือไม่ เนื่องจากนี่จะเป็นตัวบ่งบอกว่าเทรนด์กำลังจะจบลงหรือไม่และอุปสงค์กำลังเพิ่มขึ้นหรืออุปทานกำลังลดลงหรือเปล่า
แต่หากเกิด tail, shadow หรือ wick เกิดขึ้นที่ด้านบนของตัวแท่งเทียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเกิดเทรนด์ขาขึ้นในระยะยาวถือว่าอุปสงค์กำลังลดลงและอุปทานกำลังเพิ่มมากขึ้น ยิ่ง shadow ยาวมากเท่าใดก็ยิ่งต้องคำนึงถึงการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของตัวแท่งเทียนให้มากยิ่งขึ้นเพราะนี่เป็นตัวแปรสำคัญที่จะแสดงให้เห็นถึงความรุนแรงการพลิกกลับของราคา ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นรุนแรงที่สุดก็จะกลายเป็นแท่งเทียนในรูปแบบ Pin Bar ขึ้น
4.กราฟแท่งเทียน Momentum ที่รุนแรงมักจะเปิดที่ระดับแนวรับหรือระดับแนวต้าน เรียกกันว่ารูปแบบแท่งเทียน Marubozu เป็นแท่งเทียน Momentum ที่มี tail สั้นมากๆ หรือไม่มี tail หรือ shadow อยู่เลย มีความสำคัญมากในแง่ของการเปลี่ยนแปลงของราคา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแรงเทขายหรือแรงช้อนซื้ออย่างรุนแรง
การเทรดในตลาดสมัยใหม่ รูปแบบแท่งเทียน Marubozu อาจมี wick ที่สั้นมากๆ อยู่ทั้งสองด้านของตัวแท่งเทียนก็ได้ รูปแบบแท่งเทียน Marubozu สีขาวที่เกิดในเทรนด์ขาขึ้นอาจสะท้อนให้เห็นถึงเทรนด์ที่อาจดำเนินต่อไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเกิดรูปแบบแท่งเทียน Marubozu สีขาวในเทรนด์ขาลงแสดงว่าอาจเกิดรูปแบบราคาพลิกกลับขึ้นได้
แพทเทิร์นของกราฟแท่งเทียน
- รูปแบบค้อนกลับหัว (Inverted Hammer) จะมี shadow ที่ยาวและต่ำกว่าตัวแท่งเทียน โดยปกติแล้วจะมีความยาวกว่าตัวแท่งเทียนประมาณ 2 เท่า เป็นรูปแบบแท่งเทียน Forex พลิกกลับเป็นตลาดขาขึ้นและมักจะปรากฏอยู่ที่ด้านล่างสุดของเทรนด์ขาลง ตัวแท่งเทียนอาจเป็นขาขึ้นหรือขาลงก็ได้ แต่จะมีความแข็งแรงกว่าถ้าเป็นตลาดขาขึ้น
- รูปแบบแท่งเทียน Engulfing เป็นรูปแบบราคาพลิกกลับ ซึ่งแท่งเทียนขาขึ้นมักจะเกิดขึ้นที่จุดต่ำสุดของเทรนด์ขาลง ในขณะที่แท่งเทียนขาขึ้นจะเกิดขึ้นที่จุดสูงสุดของเทรนด์ขาขึ้น ประกอบด้วยแท่งเทียน 2 แท่ง คือ แท่งเทียน Forex ที่อยู่ภายในตัวแท่งเทียนที่สองที่เป็นขาขึ้นและขาลง
สรุปได้ง่ายๆ ว่ากราฟที่ใช้เทรดกันนั้นจะมีทั้งหมด 3 แบบที่แตกต่างกันออกไป โดยกราฟที่นิยมใช้เทรดกันมากที่สุดก็คือกราฟแท่งเทียนหรือกราฟ Candlestick นั่นเอง ซึ่งถ้าหากคุณสามารถบอกได้ว่ากราฟแท่งเทียนที่เห็นนั้นมีแพทเทิร์นแบบใดก็จะทำให้คุณเข้าใจสัญญาณของตลาดและสามารถวิเคราะห์แนวโน้มของราคาได้ไม่ยากมาก
ดังนั้นการทำความเข้าใจวิธีการที่ตลาดทำงานและการติดตามข่าวสารอยู่เสมอจะเป็นหนทางที่นำไปสู่การเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ นี่คือเหตุผลที่คุณต้องหมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่อย่างสม่ำเสมอ ยิ่งคุณมีความรู้เพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งมีความมั่นใจในการเทรดมากขึ้นเท่านั้น